วันศุกร์ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

Mt. Rushmore - ภูผาประธานาธิบดี

Mt.Rushmore เป็นแลนด์มาร์คที่เป็นเสมือนสัญลักษณ์ประเทศสหรัฐอเมริกาที่โดดเด่นเทียบเท่าอนุเสาวรีย์เทพีเสรีภาพ (Liberty Statue) เรียกว่าใครเห็นภาพเจ้าภูผาหน้าประธานาธิบดีทั้งสี่ต้องนึกถึงประเทศสหรัฐฯขึ้นมาทันที


แต่จริงๆแล้วสังเกตุว่าไม่ค่อยมีการพูดถึงการท่องเที่ยวสถานที่นี้มากเหมือนอนุเสาวรีย์เทพีเสรีภาพที่นิวยอร์ก สาเหตุหนึ่งน่าจะมาจากทำเลที่ตั้งของ Mt.Rushmore ที่อยู่ในรัฐไม่ค่อยโด่งดังตรงกลางๆประเทศ การเดินทางมาท่องเที่ยวไม่สะดวกนัก ส่วนอีกประการน่าจะเป็นเพราะว่าชาวต่างชาติไม่ค่อยอินกับอนุสรณ์สถานที่ระลึกประวัติศาสตร์ชาติอเมริกาเท่าไหร่

Mt.Rushmore อยู่ในอาณาบริเวณอุทยานแห่งชาติ Black Hills มลรัฐ South Dakota ที่อยู่ตรงกลางๆค่อนไปทางเหนือของประเทศ ส่วนใหญ่คนจะเลือกท่องเที่ยวไป Mt.Rushmore จากเมือง Rapid City


แค่ชื่อเมือง Rapid City ก็เชื่อว่าไม่ค่อยมีใครเคยได้ยิน เนื่องจากเป็นเมืองเล็กๆมีแค่สนามบินระดับภูมิภาค มีไฟล์ทบินตรงจากไม่กี่เมืองในสหรัฐฯเท่านั้น บ่อยสุดก็จากเมือง Denver (ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 15 นาที) ที่เหลือก็มี Salt Lake City (1 ชั่วโมง 45 นาที), Minneapolis (1 ชั่วโมงครึ่ง) เป็นต้น ข้อมูลตารางไฟล์ทขึ้นลงที่สนามบิน Rapid City เปลี่ยนแปลงทุกสัปดาห์ แนะนำให้เช็คจากเว็บไซด์สนามบินข้างล่าง

วิธีเดินทางไปยัง Mt.Rushmore จาก Rapid City ก็คือเช่ารถขับเองหรือซื้อ land tour แน่นอนที่สุดสำหรับผมก็ต้อง land tour เท่านั้น ทัวร์ Mt.Rushmore จะเป็นทัวร์หนึ่งวันโดยรวมกับสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆในละแวกนั้นอย่าง Crazy Horse Memorial, 1880’s train, Black Hills National Forest เฉพาะในส่วน Mt.Rushmore จะใช้เวลาประมาณครึ่งวันเช้า


สังเกตุว่าเพื่อนร่วมรถทัวร์ส่วนใหญ่เป็นชาวอเมริกันสูงอายุ ผมน่าจะเป็นคนที่อายุน้อยสุดบนรถ ทัวร์ไปถึง Mt.Rushmore ประมาณแปดโมงกว่า คนขับจะแจกคูปองอาหารเช้าเสิร์ฟที่ภัตราคารในบริเวณนั้น ทัวร์จะให้เวลาอิสระประมาณ 3 ชั่วโมงรวมทานข้าวเช้า ก่อนที่จะกลับมาเจอกันที่รถ


จุดชมวิวสำคัญก็คือลาน Grand View Terrace ที่อยู่ตรงข้ามรูปสลักหน้าประธานาธิบดี สามารถถ่ายรูปหน้าตรงได้จะๆ


จากลานจะมีบันไดลงไปชั้นล่างซึ่งเป็นห้องแสดงนิทรรศการและจุดชมวิวอีกระดับ


นอกจากนี้จากลานยังมีเส้นทาง hiking ที่สามารถเดินขึ้นไปถึงบนยอด Mt.Rushmore และวนกลับลงมาที่ลานชมวิวได้ ผมได้ลองเดินไปหน่อยนึงและเช็คแผนที่เส้นทางตามรายทาง หลังจากชั่งใจบวกชั่ง(น้ำหนัก)กายแล้วคิดว่าถ้าเดินให้ครบรอบไม่น่าจะทันเวลาที่เหลืออยู่ ก็เลยล้มเลิกความตั้งใจเปลี่ยนมาเดินฆ่าเวลาที่ร้านกิฟท์ช็อปแทน


เกร็ดข้อมูลการก่อสร้าง Mt.Rushmore

ไอเดียเริ่มต้นที่ปี 1923 ชายที่ชื่อว่า Doane Robinson ซึ่งเป็นนักประวัติศาสตร์ท้องถิ่นที่รัฐ South Dakota ต้องการจะสร้างให้ Black Hills National Park มีชื่อเสียงด้านการท่องเที่ยวจึงคิดจะสลักยอดเขาแท่งแหลมที่เรียกว่า The Needles ในอุทยาน Black Hills ให้เป็นรูปบุคคลสำคัญระดับท้องถิ่น

Robinson ได้ติดต่อไปที่ช่างแกะสลักชื่อ Gutzon Borglum ซึ่งสนใจรับงานนี้ แต่ Bogrlum เสนอให้แกะสลักรูปประธานาธิบดีเพื่อเป็นแลนด์มาร์คระดับชาติแทน ซึ่ง Robinson ก็เห็นดีด้วย Borglum ยังเห็นว่า The Needles ไม่เหมาะที่จะแกะสลักรูปดังกล่าว จึงเสาะแสวงหาภูผาแกรนิตขนาดใหญ่ใน Black Hills ที่สูงอย่างน้อย 400-500 ฟุต ไม่ถูกยอดเขาลูกอื่นบดบังและต้องหันหน้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้เพื่อรับแสงแดดได้เต็มที่ (สเปคละเอียดจริงๆ) สุดท้ายมาจบลงที่เลือก Mt.Rushmore งานแกะสลักเริ่มต้นจริงในปี 1927


ความตั้งใจดั้งเดิมของ Borglum คือแกะสลักเป็นรูปครึ่งตัวบน (ตามโมเดลที่จัดแสดงในสตูดิโอระหว่างเส้นทาง hiking) แต่ในปี 1941 ขณะที่แกะสลักส่วนใบหน้าทั้งสี่สำเร็จ Gutzon Borglum ก็เสียชีวิตลง รัฐบาลกลางเองก็ไม่ต้องการสนับสนุนทางการเงินต่อไป ทางสำนักงานอุทยานแห่งชาติจึงขอให้ Lincoln Borglum ลูกชายของ Gutzon ที่มารับช่วงต่อจากพ่อเก็บงานให้เสร็จสิ้นเฉพาะส่วนใบหน้าเท่านั้น การแกะสลักสิ้นสุดลงอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 1941 ถึงแม้การแกะสลักไม่เสร็จสมบูรณ์แต่หลายๆคนที่เห็น Mt.Rushmore เวอร์ชั่นไม่สมบูรณ์กลับรู้สึกว่าดูคลาสสิกกว่า


การเลือกประธานาธิบดีที่จะแกะสลักบน Mt.Rushmore หลายคนคิดว่า Borglum เลือกประธานาธิบดีที่โด่งดัง แต่จริงๆแล้วความต้องการของ Borglum คือให้ Mt.Rushmore เป็นอนุสรณ์สถานที่ระลึกประวัติศาสตร์ของชาติไม่ใช่ตัวบุคคล Borglum จึงเลือกประธานาธิบดีที่เป็นตัวแทนแต่ละยุคสมัยของชาติ ได้แก่

ประธานาธิบดี George Washington (ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีระหว่างปี 1789-1797) ซึ่งเป็นประธานาธิบดีคนแรกของสหรัฐอเมริกา เป็นยุคสมัยของการกำเนิดชาติ

ประธานาธิบดี Thomas Jefferson (1801-1809) เป็นยุคสมัยของการขยายชาติ เนื่องจากในสมัย Jefferson มีการซื้อดินแดนของชาวอินเดียนแดงพื้นเมืองตรงกลางประเทศทำให้ประเทศสหรัฐฯมีขนาดใหญ่ขึ้นอีกเท่าตัว

ประธานาธิบดี Abraham Lincoln (1861-1865) เป็นยุคสมัยของการรักษาชาติ ในช่วงเวลาที่ Lincoln เป็นประธานาธิบดีเกิดสงครามกลางเมืองระหว่างรัฐทางเหนือและรัฐทางใต้ แต่ในที่สุดประเทศก็ไม่ถูกแบ่งแยกออกเป็นสองส่วน

สุดท้ายประธานาธิบดี Theodore Roosevelt (1901-1909) เป็นยุคสมัยของการพัฒนาชาติ ในสมัยของ Roosevelt มีการขุดคลองปานามาที่เชื่อมต่อมหาสมุทรแปซิฟิกกับแอตแลนติก ทำให้เกิดการค้าพาณิชย์กับประเทศอื่นทั่วโลก


วิธีการแกะสลักหน้าผาไม่ได้ใช้ค้อนกับสิ่วเหมือนแกะสลักรูปปั้นทั่วไป เพราะหน้าผามีขนาดใหญ่ขืนแกะด้วยค้อนกับสิ่วอาจต้องใช้เวลาเป็นชาติ Borglum มีช่างสามชุด ชุดแรกเป็นช่างเจาะจะใช้สว่านเจาะหน้าผาให้เป็นรู จากนั้นช่างระเบิดก็จะเอาดินปืนไปฝังตามรูที่เจาะไว้ แล้วระเบิดหน้าผาให้เป็นโครงหน้าคร่าวๆ สุดท้ายจึงเป็นหน้าที่ของช่างแกะสลักเก็บงานรายละเอียด

การเริ่มแกะสลักต้องระเบิดหินบริเวณพื้นผิวออกไปก่อนจนกว่าจะเจอระดับหินที่มีคุณภาพพอที่จะแกะสลักได้ เนื่องจากหินพื้นผิวมักจะมีรอยแตกหรือไม่จับตัวแข็งพอที่จะใช้แกะสลักได้


งานแกะสลักไม่ได้เป็นไปตามแผนโดยดีเสมอไป อย่างเช่นตอนแรกตั้งใจจะแกะสลักให้ใบหน้า Jefferson อยู่ทางฝั่งซ้ายมือของ Washington และ Lincoln อยู่ด้านขวา ส่วนตำแหน่งใบหน้า Lincoln ปัจจุบันตั้งใจจะแกะสลักแผ่นคำจารึกไว้ แต่เมื่อเริ่มแกะสลักใบหน้า Jefferson ไปพอสมควรก็พบว่าคุณภาพหินไม่แข็งแรงเท่าที่ควรไม่เหมาะที่จะแกะสลักต่อ จึงเปลี่ยนแผนย้ายไปแกะสลักด้านขวามือของ Washington แทนและระเบิดหน้าที่แกะสลักไปแล้วไม่ใช้ทิ้งไป ส่วนใบหน้า Lincoln ก็ย้ายไปอยู่บริเวณที่วางแผนจะเป็นคำจารึกแทน จึงสังเกตุได้ว่าใบหน้า Lincoln จะแยกตัวออกไปหน่อย

หรืออีกปัญหาหนึ่งก็คือตอนที่เริ่มแกะสลักใบหน้า Roosevelt จะต้องระเบิดหินลึกเข้าไปถึง 80 ฟุตถึงจะได้หินที่แข็งแรงพอจะแกะสลักได้ ใบหน้าของ Roosevelt จึงดูจมลึกกว่าใบหน้าอิ่นๆ









  

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

About