วันศุกร์ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

Tennis French Open: ลูกสักหลาดกับฝุ่นดิน

เทนนิสรายการ French Open เป็นหนึ่งในสี่รายการแกรนด์สแลมของโลก ซึ่งประกอบไปด้วย Australian Open, French Open, Wimbledon และ US Open (เรียงลำดับตามช่วงเวลาที่จัดการแข่งขัน) โดยรายการ French Open จัดการแข่งขันในช่วงปลายเดือนพฤษภาคมถึงต้นเดือนมิถุนายน ซึ่งเป็นช่วงเริ่มต้นฤดูร้อนของยุโรป



สนามจัดการแข่งขัน
สนามที่ใช้จัดการแข่งขัน French Open มีชื่อว่า Roland Garros อยู่ที่กรุงปารีส (บางครั้งจึงเรียกรายการนี้ว่าเทนนิส Roland Garros) คอร์ทแข่งขันเป็นพื้นผิวดิน (clay court) สาเหตุที่ผมเลือกไปชม French Open เป็นแกรนด์สแลมแรกก็เพราะหลงไหลสเน่ห์ของ clay court ที่ดูดิบๆดี (เหมือนเล่นกันบนดินลูกรัง)


 สนาม Roland Garros ประกอบไปด้วยคอร์ทสเตเดี้ยมจำนวน 3 คอร์ทและกราวด์คอร์ทอีก 17 คอร์ท  คอร์ทสเตเดี้ยมหมายถึงคอร์ทที่มีอัฒจรรย์คนดูขนาดใหญ่สี่ด้านและมีการกำหนดหมายเลขที่นั่งคนดู คอร์ทสเตเดี้ยมของ Roland Garros ได้แก่ คอร์ท Phillipe Chatrier (ฟิลลิป ชาตริเย่ร์)


คอร์ท Suzanne Lenglen (ซูซาน ล็องลอง) และ


คอร์ทหมายเลขหนึ่ง


ส่วนกราวด์คอร์ทเป็นคอร์ทที่มีอัฒจรรย์ขนาดย่อมอาจไม่ครบสี่ด้านไม่มีการกำหนดหมายเลขที่นั่ง ผู้เข้าชมสามารถเลือกที่นั่งได้อิสระ กราวด์คอร์ทได้แก่คอร์ทหมายเลขสองถึงหมายเลขสิบแปด มือวางอันดับสูงๆหรือนักเทนนิสประเทศเจ้าภาพจะถูกจัดให้เล่นคอร์ทสเตเดี้ยม ส่วนกราวด์คอร์ทจะใช้จัดการแข่งขันคู่มือวางอันดับรองๆหน่อย รวมทั้งการแข่งขันประเภทคู่ในรอบแรกๆ และการแข่งขันระดับเยาวชน

สามารถเดินทางไปสนาม Roland Garros ได้โดยรถไฟฟ้า Metro ลงที่สถานี Porte de’Auteuil (สาย 10) หรือสถานี Michel-Ange-Molitor (สาย 9 หรือ 10)

ตั๋วชมการแข่งขัน
ตั๋วชมการแข่งขันเทนนิส French Open มีสองประเภทใหญ่ๆได้แก่ตั๋วคอร์ทโชว์ กับตั๋วคอร์ทด้านนอก ในรอบแรกๆคอร์ทโชว์ก็หมายถึงคอร์ทสเตเดี้ยม ส่วนคอร์ทด้านนอกก็คือกราวด์คอร์ท แต่พอผ่านไปรอบลึกๆคอร์ท Suzanne Lenglen กับคอร์ทหมายเลขหนึ่งจะถูกปรับเป็นคอร์ทด้านนอกแทน ส่วนคอร์ท Phillipe Chatrier ถูกใช้เป็นคอร์ทโชว์จนถึงรอบชิงชนะเลิศในวันสุดท้าย

ผู้ชมที่ถือตั๋วคอร์ทโชว์คอร์ทใดคอร์ทหนึ่ง สามารถเข้าชมการแข่งขันในคอร์ทนั้นๆได้ซึ่งเป็นตั๋วที่กำหนดเลขที่นั่ง แถมยังสามารถเข้าชมการแข่งขันในคอร์ทด้านนอกคอร์ทใดก็ได้ (แต่ต้องไปหาที่นั่งว่างเอง) แต่ตั๋วคอร์ทโชว์คอร์ทหนึ่งไม่สามารถเข้าชมการแข่งขันในคอร์ทโชว์อื่นๆได้ อาทิเช่นผู้ถือตั๋วคอร์ท Phillipe Chatrier ไม่สามารถเข้าชมคอร์ท Suzanne Lenglen หรือคอร์ทหมายเลขหนึ่งได้ (ในกรณีที่สองคอร์ทที่ว่ายังเป็นคอร์ทโชว์อยู่)


ส่วนตั๋วคอร์ทด้านนอกเข้าชมได้เฉพาะคอร์ทที่ไม่ใช่คอร์ทโชว์แต่ต้องหาที่นั่งว่างเอง (ไม่มีหมายเลขที่นั่งกำหนดให้)

รายการ French Open มีแข่งรอบเช้าเพียงรอบเดียว รอบแรกๆจะเริ่มประมาณ 11 โมงเช้าจบประมาณ 5-6 โมงเย็น พอรอบลึกๆจะเริ่มประมาณบ่ายสองบ่ายสาม ฝ่ายจัดการแข่งขันมีตั๋วโลว์คอสท์สำหรับเข้าชมการแข่งขันหลังห้าโมงเย็นซึ่งราคาถูกมากๆ (แต่คงไม่ได้ดูเกินคู่หนึ่ง หรือโชคร้ายอาจไม่ได้ดูเลย)

ตอนที่ผมไปดูในปี 2007 สมาคมเทนนิสฝรั่งเศสขายตั๋วเองโดยตรง ระบบการขายตั๋วก็คือให้ผู้ซื้อแจ้งไปว่าจะขอซื้อตั๋วคอร์ทไหนวันไหนภายในระยะเวลาที่เปิดให้ยื่นขอ หลังจากปิดการยื่นขอซื้อแล้วถ้ายอดขอซื้อคอร์ทไหนวันไหนไม่เกินกว่าจำนวนตั๋วที่ขาย ผู้ขอซื้อก็จะได้ตั๋วทันที แต่ถ้าเกินก็จะทำการจับสลาก ในกรณีเราระบุว่ายอมรับตั๋วคอร์ทโชว์อื่นในวันเดียวกันได้ ถ้าจับสลากตั๋วคอร์ทที่ขอซื้อไม่ได้และมีตั๋วคอร์ทโชว์อื่นเหลือ เขาก็จะจัดสรรตั๋วคอร์ทอื่นให้ ของผมไม่ได้ตั๋วคอร์ทที่ขอซื้อแต่ได้ตั๋วคอร์ทหมายเลขหนึ่งแทน

ปัจจุบันสมาคมเทนนิสฝรั่งเศส outsource การขายตั๋วให้องค์กรอื่นรับผิดชอบไป โดยเป็นระบบซื้อตั๋วทางออนไลน์มาก่อนได้ก่อน แต่จำกัดจำนวนตั๋วที่สามารถซื้อได้ต่อคน

ช้อมูลการแข่งขันและตั๋วเข้าชม สามารถเข้าไปเช็คได้ที่

การแข่งขัน
ตั๋วที่ผมได้เป็นของวันอาทิตย์ที่ 3 มิถุนายน 2007 ซึ่งวันนั้นคอร์ทหมายเลขหนึ่งใช้จัดการแข่งขันประเภทหญิงเดี่ยวรอบ 16 คนสุดท้ายจำนวนสี่คู่


ใจจริงแล้วผมอยากดู Maria Sharapova นักเทนนิสหญิงขวัญใจของผมแข่ง แต่ตามโปรแกรมเธอจะเล่นเป็นคู่สุดท้ายที่คอร์ท Suzanne Lenglen เลยต้องแห้วไป

คู่แรกที่แข่งขันที่คอร์ทหมายเลขหนึ่งเป็นการพบกันระหว่าง Nicole Vaidisova (เช็ก-มือวางอันดับ 6 เสื้อสีส้ม) กับ Tathiana Garbin (อิตาลี-มือวางอันดับ 19 เสื้อสีฟ้า) ซึ่ง Nicole นักเทนนิสสาวหุ่นนางแบบชนะไปง่ายดาย 6-3 และ 6-1


คู่ที่สองระหว่าง Svetlana Kuznetsova (รัสเซีย-มือวางอันดับ 3 เสื้อสีม่วง) กับ Shahar Pe’er (อิสราเอล-มือวางอันดับ 15 เสื้อสีฟ้าอ่อน) จบเกมมือวางอันดับสามจากรัสเซียชนะไปตามฟอร์ม 6-4 และ 6-3


 คู่ที่สามระหว่างสาวสวย Ana Ivanovic (เซอร์เบีย-มือวางอันดับ 7) กับ Anabel Medina Garrigues (สเปน-มือวางอันดับ 24) ซึ่งผมไม่ได้ดู เพราะออกไปพักทานข้าวและตระเวนดูคอร์ทด้านนอก กลับเข้ามาอีกทีแข่งจบไปแล้ว ผลการแข่งขันน้อง Ana ชนะไป 2-1 เซ็ท 6-3, 3-6 และ 6-3 (แอบเสียดายที่ไม่ได้ดูเพราะ Ana ได้เข้าชิงชนะเลิศในปีนั้น)

คู่สุดท้าย Anna Chakvetadze (รัสเซีย-มือวางอันดับ 9 เสื้อสีชมพู) เจอกับ Lucie Safarova (เช็ก-มือวางอันดับ 25 เสื้อสีกรมท่า) คู่นี้เล่นกันสามเซ็ทก่อนที่ Anna จะชนะไป 6-4, 0-6 และ 6-2 แต่ผมไม่ได้ดูจนจบ เพราะออกมารอดู Maria Sharapova แข่งผ่านการถ่ายทอดทางทีวีจอยักษ์ด้านนอก


 แต่แล้วไม่รู้อะไรมาดลใจให้ผมลองเดินไปที่คอร์ท Suzanne Lenglen แอบหวังลึกๆว่าเผื่อคนตรวจตั๋วกลับบ้านไปแล้วจะได้แอบเข้าไปดู แต่ปรากฏว่าไม่เป็นอย่างหวัง หลังจากยืนด้อมๆมองๆอยู่ครู่หนึ่ง โชคก็เข้าข้างผม มีชายฝรั่งคนหนึ่งเดินออกจากสนามดูแล้วท่าทางกำลังจะกลับบ้าน ผมเลยทำหน้าด้านตรงไปขอตั๋วเค้าดื้อๆ หลังจากถามคนตรวจตั๋วว่าไม่มีปัญหาอะไรชายผู้ใจบุญเลยยกตั๋วให้ผม


 ที่เฮงสองต่อก็ตรงที่ตั๋วที่ได้มาท่าทางจะเป็นตั๋วสปอนเซ่อร์เพราะได้นั่งที่นั่งชิดติดขอบสนามเลย เรียกว่าได้ยินเสียงร้องของน้อง Maria ชัดเต็มสองรูหู (อันนี้ไม่ได้ทะลึ่งเพราะ Maria Sharapova เป็นนักเทนนิสที่ชอบร้องคำรามเสียงดังขณะตีลูกเทนนิส) ใกล้ขนาดไหนก็ลองเปรียบเทียบขนาดตัวนักเทนนิสจากภาพถ่ายช่างแตกต่างจากรูปจากคอร์ทหมายเลขหนึ่งลิบลับ


 วันนั้น Maria Sharapova สาวรัสเซียมือวางอันดับ 2 พบกับ Patty Schnyder มือวางอันดับ 14 จากสวิสเซอร์แลนด์ (เสื้อสีชมพู) เป็นเกมที่สนุกตื่นเต้นมากผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะคนละเซ็ท


สังเกตุว่าคนดูฝรั่งเศสน่าจะเชียร์แพ็ทตี้มากกว่า ไม่รู้ว่าเพราะมาจากประเทศเพื่อนบ้านเรือนเคียงหรือชอบเชียร์มวยรองกันแน่ ในเซ็ทที่สามต้องเล่นกันยาวถึง 16 เกม ก่อนที่สุดท้าย Maria ชนะไป 3-6, 6-4 และ 9-7 จบแบบแฮปปี้เอนดิ้ง(ของผม)








ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

About