วันศุกร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2557

กินนำสไตล์: Baratie Restaurant


เรื่องราว”กินนำสไตล์”จะเป็นการเสาะแสวงหาร้านอาหารที่เน้นจุดขายที่สไตล์แปลกแตกต่างเป็นอันดับแรก เอาจริงๆผมไม่ค่อยได้เขียนบทความกินนำสไตล์ซักเท่าไหร่ ครั้งนี้เป็นครั้งที่สองเท่านั้นเอง แต่เมื่อมาแล้วก็ต้องแนะนำร้านอาหารแนวๆซะหน่อย

ครั้งนี้จะพาไปรีวิวร้านอาหารที่น่าจะโดนใจคอการ์ตูน เป็นร้านอาหารที่ปรากฏในเนื้อเรื่องของการ์ตูนและถูกเนรมิตขึ้นมาบนโลกจริง ซึ่งได้แก่ ภัตตาคารบาราติเอ (Baratie) จากการ์ตูนญี่ปุ่นวันพีซ (One Piece, ワンピース)


ขอออกตัวก่อนว่าผมไม่ใช่แฟนพันธ์แท้วันพีซซักเท่าไหร่ เคยเปิดดูเวอร์ชั่นที่ฉายโทรทัศน์แวบๆแต่ไม่ได้ติดตามต่อเนื่อง ถ้าข้อมูลผิดพลาดประการใดก็ขออภัยแฟนๆวันพีซด้วย


ภัตตาคารบาราติเอตั้งอยู่บนชั้น 7 ตึกสถานีโทรทัศน์ฟูจิทีวีบนเกาะโอไดบะ ตัวอาคารรูปร่างสะดุดตามีลูกกลมๆประดับบนยอดตึก



มาถึงตึกให้ขึ้นบันไดเลื่อนด้านหน้าตรงขึ้นไปชั้น 7


จริงๆแล้วภัตตาคารบาราติเอในการ์ตูนเป็นภัตตาคารลอยน้ำบนเรือรูปร่างคล้ายปลา


แต่ที่จำลองมาบนโลกจริงอยู่ในอาคาร แต่ถึงแม้ไม่ได้ลอยน้ำก็พยายามเก็บรายละเอียดภายนอกตกแต่งให้ใกล้เคียง


อย่างเช่นประตูทางเข้าก็เหมือนหัวเรือ


กัปตันลูฟี่กับโทนี่โทนี่ชอปเปอร์มายืนรอต้อนรับบริเวณทางเข้า



ระหว่างปี 2003-2005 ทางฟูจิทีวีได้สร้างเรือจำลอง Going Merry ของกลุ่มโจรสลัดหมวกฟางสำหรับแล่นพานักท่องเที่ยวชมวิวที่อ่าวโตเกียว


ปัจจุบันไม่มีแล้วจึงเหลือแต่ส่วนหัวเรือตั้งแสดงใกล้ๆภัตตาคาร


เมนูอาหารหน้าทางเข้า ราคาอาหารที่นี่จะแสดงเป็นหน่วยเงินเบริ ที่เป็นสกุลเงินตามการ์ตูน แต่ไม่ต้องตกใจถ้าคุณไม่ได้พกเงินเบริติดตัวมา ก็จ่ายเป็นเงินเยนไป (อัตราแลกเปลี่ยน 1 เบริเท่ากับ 1 เยน)


ภายในตกแต่งบรรยากาศให้ดูเหมือนอยู่ภายในเรือ


ซันจิ อดีตรองเชฟภัตตาคารบาราติเอที่ผันตัวมาเป็นพ่อครัวประจำกลุ่มโจรสลัดหมวกฟาง



หน้าตาอาหารที่ชวนกิน (มั้ยนี่)



ระหว่างรออาหารก็เก็บบรรยากาศโดยรอบไปก่อน




แผนที่โลก (ตามการ์ตูน)


อย่าเข้าใจผิดว่าภัตตาคารจะขายอาหารที่ทำเป็นรูปตัวการ์ตูน แต่จะขายอาหารสไตล์อิตาเลี่ยนทั่วไป เพียงแต่เมนูของร้านจะสร้างสรรค์มาจากเนื้อหาในตอนการ์ตูน


อย่างเช่น สปาเก็ตตี้คาโบนาร่าจานนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากการ์ตูนที่ฉายโทรทัศน์ตอนที่ 129 จินตนาการว่าเจ้าก้อนสปาเก็ตตี้เป็นอาณาจักรอลาบัสต้า ตัวเบค่อนจัดวางเป็นรูปกากบาทซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่พวกเพื่อนพ้องโจรสลัดหมวกฟางเขียนไว้บนข้อมือที่ชูขึ้น (ถ้าไม่ใช่แฟนการ์ตูนคงจินตนาการไม่ได้)


ส่วนเครื่องดื่มกีวี่ปั่นแก้วนี้นี้สร้างสรรค์มาจากตัวละครชื่อโรโรโนอา โซโร หนึ่งในสมาชิกกลุ่มโจรสลัดหมวกฟางจากฉากในตอนที่ 119


เค้าว่ากันว่าช่วงคนแน่นๆพ่อครัวจะแต่งเป็นเซฟขาแดงหัวหน้าเชฟของบาราติเอออกมาทักทายกับแขก แต่ช่วงที่ผมไปตอนบ่ายแก่ๆคนโหลงเหลงมากเชฟแกคงนอนหลับพักผ่อนอยู่

โดยรวมๆแล้วรสชาติจัดว่าโอเคราคาแอบแพงนิดนึง แต่ถ้าเป็นแฟนวันพีซจริงๆก็คงยอมทุ่มทุนได้


หลังจากทานอาหารเสร็จ ผมแนะนำให้ลงบันไดเลื่อนลงมาแวะที่ชั้นห้า ที่เรียกว่า Wonder Street ที่นี่จะจัดแสดงพร็อพเกี่ยวกับของรายการต่างๆของฟูจิทีวี


สำหรับการ์ตูนวันพีซที่ฉายทางสถานีฟูจิทีวี ก็มีโมเดลจำลองอาวุธของกลุ่มโจรสลัดหมวกฟางขนาดเท่าจริงมาแสดง อาทิเช่น สามดาบของโซโร


ง่ามหนังสติ๊กของอุซปกับไม้พลองของนามิ


ในฐานะแฟนการ์ตูนโคนัน แอบหวังว่าซักวันจะมีคนสร้างคาเฟ่ปัวโรต์ขึ้นมาบ้าง

การเดินทางไปตึกสถานีฟูจิทีวี
นั่งรถไฟฟ้าสาย Yurikamome ลงที่สถานี Daiba เดินแป๊บเดียวก็ถึง
หรือถ้านั่งรถไฟสาย Rinkai ลงที่สถานี Tokyo Teleport เดินประมาณ 5 นาที


เว็บไซด์ของภัตตาคารบาราติเอ (ภาษาญี่ปุ่น)










วันศุกร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2557

Acrophillia: Eureka Tower

ผมได้เขียนเรื่อง Acrophillia มาหลายครั้งแล้ว แต่ถ้าใครที่ติดตามแบบแฟนพันธ์แท้คงสังเกตเห็นว่าตั้งแต่เขียนมาเป็นสถานที่ในเอเชียทั้งหมด ทั้งนี้เนื่องจากว่าในครั้งก่อนๆผมจะเขียนถึงตึกหรือหอคอยที่เป็นเจ้าของสถิติความสูง ซึ่งเหล่านั้นล้วนแต่อยู่ในเอเชียทั้งสิ้น เรียกได้ว่าคนเอเชียเห่อสร้างสถิติจริงๆ

คราวนี้เลยเปลี่ยนบรรยากาศไปเยือนตึกระฟ้านอกเอเชียกันบ้าง ตึกที่จะพาไปนี้ไม่ติดสถิติที่สุดในโลกอะไรแต่เป็นตึกที่มีประสบการณ์ในการชมวิวสูงแบบน่าจดจำตึกหนึ่ง ผมกำลังจะเล่าถึงตึก Eureka Tower ที่เมืองเมลเบิร์น (Melbourne) ประเทศออสเตรเลีย


ตึก Eureka Tower มีความสูง 297 เมตร อยู่ทางฝั่งใต้ของแม่น้ำ Yarra เป็นตึกที่สูงที่สุดในเมลเบิร์น สูงเป็นอันดับสองของประเทศออสเตรเลีย และเป็นอันดับห้าสิบของโลก ณ ตอนที่เขียนนี้ (ว่าซะละเอียดเชียว)


จุดชมวิวของตึกชื่อว่า Skydeck 88 อยู่ที่ชั้น 88 ของตึกที่ระดับความสูง 285 เมตร จากที่นี่สามารถเห็นแลนด์มาร์คสำคัญของเมลเบิร์นได้หมด





Melbourne Park สถานที่ใช้แข่งขันเทนนิสออสเตรเลียนโอเพ่น สเตเดี้ยมอันใหญ่ๆเป็นสนามแข่งคริกเก็ต


โบสถ์ St. Paul อยู่ตรงข้ามจัตุรัส Federation Square และสถานีรถไฟ Flinders street


ตึกระฟ้าในเขตธุรกิจใจกลางเมือง (Central Business District)



Melbourne aquarium


ชิงช้าสวรรค์ Melbourne Star


สามารถมองวิวไปไกลจนเห็นทะเล



ทีเด็ดสำคัญที่ให้ประสบการณ์ชมวิวแบบเอ็กซ์คลูซีฟก็คือ The Edge experience (ต้องเสียตังค์เพิ่ม)


The Edge เป็นห้องสี่เหลี่ยมที่มีผนังเพดานและพื้นเป็นกระจกทั้งสี่ด้าน ในตอนแรกที่เข้าไปจะเป็นเหมือนห้องในอาคารปกติ จากนั้นตัวห้องก็จะค่อยเคลื่อนยื่นออกไปนอกตัวอาคาร ด้วยพื้นผนังและเพดานเป็นกระจกทั้งหมดก็จะให้บรรยากาศเหมือนคนในห้องลอยอยู่กลางอากาศ


ภายใน The Edge ไม่อนุญาตให้เอากล้องถ่ายรูปเข้าไปได้ แต่เค้าจะให้เราไปยืนโพสที่ปลายกล่อง แล้วมีกล้องถ่ายให้แล้วไปอัดขายเป็น souvenir เรียกว่าถ้าอยากได้ภาพที่ระลึกว่าเคยมาก็ต้องเปย์เพิ่ม

การเดินทางไปตึก Eureka Tower
สามารถเดินจากถนน Flinders street ที่เป็นถนนเส้นหลักของเมลเบิร์น เดินมาทางฝั่งแม่น้ำก็จะเห็นตึกตั้งตระหง่าน ข้ามสะพานไปอีกแป๊บเดียวก็ถึง ใช้เวลาเดินไม่น่าจะเกินห้านาที

เว็บไซด์ของ Eureka Tower











About