ถ้าท่านเคยได้ยินชื่อกำแพงเบอร์ลินมาก่อน
แสดงว่าท่านมีอายุอานามไม่ใช่น้อย เพราะสถานที่เรียกว่ากำแพงเบอร์ลินนั้นเลือนหายไปจากความทรงจำชาวโลกนานนับกว่ายี่สิบปีแล้ว
กำแพงเบอร์ลิน (ภาษาเยอรมันเรียกว่า
Berliner Mauer)
อยู่ที่นครเบอร์ลินเมืองหลวงของประเทศเยอรมนีตามชื่อ
เรื่องราวการกำเนิดกำแพงเบอร์ลินสืบเนื่องจากหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ประเทศเยอรมนีแพ้สงคราม
ทำให้ประเทศถูกแบ่งเป็นสี่ส่วนอยู่ภายใต้อาณัติการปกครองของประเทศฝ่ายสัมพันธมิตรที่ชนะสงครามสี่ประเทศ
ได้แก่ สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศสและสหภาพโซเวียต (ปัจจุบันกลายมาเป็นรัสเซีย)
กรุงเบอร์ลินที่เป็นเมืองหลวงศูนย์กลางการเมืองการปกครองก็ถูกแบ่งเป็นสี่ส่วนแยกกันปกครองเช่นกัน
ถึงแม้ว่าจริงๆแล้วกรุงเบอร์ลินจะอยู่ในเขตพึ้นที่ของสหภาพโซเวียตก็ตาม
ต่อมาประเทศสหภาพโซเวียตเกิดแตกคอทางความคิดทางการเมืองกับอีกสามประเทศ
ซึ่งสหภาพโซเวียตต้องการให้เยอรมนีปกครองภายใต้ระบอบคอมมิวนิสต์
ในขณะอีกสามประเทศสนับสนุนระบอบประชาธิปไตย ทำให้เยอรมนีแยกออกเป็นสองประเทศก็คือเยอรมนีตะวันตกที่ปกครองภายใต้ระบอบประชาธิปไตย
และเยอรมนีตะวันออกที่ปกครองภายใต้ระบอบคอมมิวนิสต์ (สีน้ำเงินคือพื้นที่ของเยอรมนีตะวันตกและสีแดงเป็นเยอรมนีตะวันออก)
ภายหลังที่แตกออกเป็นสองประเทศ ปรากฏว่ามีประชากรฝั่งเยอรมนีตะวันออกลักลอบหลบหนีลี้ภัยไปอยู่ฝั่งตะวันตกจำนวนมาก โดยเฉพาะที่กรุงเบอร์ลิน ทำให้รัฐบาลเยอรมนีตะวันออกแก้ปัญหาด้วยการกั้นพรมแดนด้วยรั้วลวดหนามในระยะแรกแต่ก็ยังไม่ได้ผล จนถึงเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1961 ก็ตัดสินใจเริ่มสร้างกำแพงคอนกรีตล้อมรอบพื้นที่กรุงเบอร์ลินที่เป็นของเยอรมนีตะวันตก จึงถือกำเนิดเป็นกำแพงเบอร์ลินขึ้นมา
ถึงแม้มีกำแพงเบอร์ลินขึ้นมาแต่ก็ไม่สามารถแก้ปัญหาการลักลอบอพยพไปอยู่ฝั่งตะวันตกได้
ซ้ำร้ายกลับไปก่อให้เกิดปัญหาการลักลอบหนีผ่านประเทศเพื่อนบ้านเพิ่มขึ้นแทน จนในที่สุดวันที่
9 พฤศจิกายน
ค.ศ. 1989 ผู้นำเยอรมนีตะวันออกในขณะนั้นก็ประกาศยกเลิกการควบคุมการข้ามผ่านพรมแดนระหว่างเยอรมนีตะวันตกและตะวันออก
จึงถือว่าเป็นวันที่สิ้นสุดอำนาจแบ่งกั้นของกำแพงเบอร์ลินลง และหลังจากนั้นหนึ่งปีก็นำไปสู่การรวมประเทศเยอรมนี
ไม่นานหลังจากวันที่ประกาศยกเลิกการควบคุมพรมแดน
ก็มีผู้คนนำค้อนสิ่วไปทุบทำลายกำแพงเบอร์ลินให้พังลงเกือบหมด
ปัจจุบันส่วนที่เหลือของกำแพงยาว 1.3
กิโลเมตรถูกใช้แสดงงานจิตรกรรมบนผนังกำแพง
เรียกว่า East Side
Gallery อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเมือง
ภาพมีจำนวนทั้งสิ้น 105 ภาพ ถูกวาดลงบนกำแพงในปี 1990 เป็นผลงานของศิลปินจากทั่วโลก
ส่วนใหญ่จะเป็นการล้อเลียนหรือรำลึกเหตุการณ์กำแพงเบอร์ลินในอดีต
ส่วนใหญ่จะเป็นการล้อเลียนหรือรำลึกเหตุการณ์กำแพงเบอร์ลินในอดีต
อดีตป้อมด่านซึ่งปัจจุบันเกษียณตัวมาเป็นร้านขายของที่ระลึก
ภาพทหารกระโดดข้ามลวดหนามเป็นหนึ่งในเหตุการณ์การหลบหนีไปสู่ฝั่งตะวันตกที่เกิดขึ้นจริง
มีช่างภาพคนหนึ่งจับภาพโมเม้นท์ขณะนั้นได้พอดี
จัดว่าเป็นหนึ่งในภาพคลาสสิกของประวัติศาสตร์กำแพงเบอร์ลินเลยทีเดียว
ซากคอนกรีตของกำแพงเบอร์ลินที่ถูกทุบทำลายลง
บางส่วนถูกนำไปจัดแสดงตามพิพิธภัณฑ์ต่างๆทั่วโลก
ในขณะที่บางส่วนก็มีพ่อค้าหัวใสนำไปทำเป็นของที่ระลึก เช่น แม็กเนท โปสการ์ด ฯลฯ
จนทุกวันนี้ก็ยังหาซื้อเศษซากกำแพงเบอร์ลินได้ตามร้านขายของที่ระลึก
ถ้ามาที่เบอร์ลิน
อาจจะสังเกตเห็นไฟสัญญาณคนข้ามถนนที่เป็นรูปคนสวมหมวก มีชื่อเรียกเป็นภาษาเยอรมันว่า Ampelmännchen เป็นรูปแบบไฟสัญญาณที่ใช้ในสมัยเยอรมนีตะวันออก
ถึงแม้ปัจจุบันรวมประเทศแล้ว ก็ยังอนุรักษ์สัญญาณไฟดังกล่าวให้เป็นเอกลักษณ์ของกรุงเบอร์ลินต่อไป
มีพ่อค้าหัวใส(อีกแล้ว)นำสัญลักษณ์ไฟดังกล่าวมาทำเป็นของที่ระลึกขาย
อาทิเช่น แก้วน้ำ เสื้อยืด โปสการ์ด ฯลฯ ปัจจุบันเปิดเป็นร้านทั่วกรุงเบอร์ลิน
การเดินทางไป East Side Gallery
สามารถนั่งรถไฟ
S-Bahn สาย
5, 7 หรือ 75 ไปลงที่สถานี
Ostbahnhof ได้ จากสถานีรถไฟเดินไปทางแม่น้ำ
Spree ไม่นานก็ถึง
เว็บไซด์ของ
East Side Gallery (ภาษาเยอรมัน)
http://www.eastsidegallery-berlin.de/
เว็บไซด์ร้านขายของที่ระลึก
Ampelmännchen
http://ampelmannshop.com/AMPELMANN-Berlin
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น