ก้อนหิน Uluru นี้มีความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติก็คือสามารถเปลี่ยนสีได้ตามแสงที่ตกกระทบ ในหนึ่งวันก้อนหินจะเปลี่ยนสีไปตามช่วงเวลาต่างๆ เช่น ช่วงเช้าแดดอ่อนๆหินจะออกโทนสีม่วง พอช่วงเที่ยงถึงบ่ายแดดจัดจะเปลี่ยนเป็นเหลืองส้ม หลังพระอาทิตย์ตกจะเป็นสีน้ำตาลแดงจนถึงน้ำตาลเข้ม ภาพที่ผมเคยเห็นจากโปสการ์ดท่องเที่ยว ปรากฏการณ์สีแปลกที่สุดที่เป็นไปได้ก็คือสีขาวอมเทาซึ่งจะเกิดตอนฝนตก ละอองน้ำฝนที่เกาะผิวก้อนหินจะสะท้อนแสงทำให้เห็นเป็นสีขาวเทา แต่เป็นภาพที่เห็นได้ไม่ง่ายเนื่องจาก Uluru อยู่ในเขตทะเลทรายซึ่งโอกาสฝนตกน้อยมาก
การเดินทางไปเที่ยวที่ Uluru
ไม่มีไฟล์ทบินตรงจากกรุงเทพฯไปที่เมือง Ayers Rock ต้องบินไปลงที่ซิดนีย์แล้วต่อเครื่องอีกประมาณ 3 ชั่วโมงเศษๆ เมื่อถึงสนามบิน Ayers Rock แล้วจะมีรถบัสฟรีบริการไปส่งยังที่พักในย่านรีสอร์ท
ที่พักใน Ayers Rock
ที่พักที่ Ayers Rock จะอยู่กระจุกตัวกันที่ย่านรีสอร์ทห่างจากสนามบินประมาณ 6 กิโลเมตร โดยแบ่งเป็นโรงแรมและอะพาร์ทเมนท์มีระดับ 3 แห่งได้แก่ โรงแรม Sails in the Desert (ระดับห้าดาว) โรงแรม Desert Garden (ระดับสี่ดาวครึ่ง) และ Emu Walk Apartment (ระดับสี่ดาว) ซึ่งสามแห่งนี้จะเรียงรายอยู่ทางตอนบนของย่านรีสอร์ท ส่วนทางตอนล่างจะเป็นที่พักทางเลือกสำหรับนักท่องเที่ยวที่งบจำกัดก็จะมี Outback Pioneer Hotel & Lodge ที่มีให้เลือกทั้งโรงแรมระดับสามดาวครึ่งกับห้องพักแบบพักรวมระดับสองดาว และ Campground สำหรับกางเต้นท์นอนหรือขับรถแค้มปิ้งไปจอดพักได้
สำหรับผู้สนใจข้อมูลที่พักเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่ http://www.ayersrockresort.com.au/
กิจกรรมที่ Ayers Rock
การท่องเที่ยวที่เมือง Ayers Rock มีกิจกรรมเกี่ยวกับหิน Uluru ให้เลือกทำมากมาย ผู้ที่สนใจสามารถเลือกซื้อ land tour ได้ ผมขอแนะนำกิจกรรมที่เคยลองมากับตัวแล้ว
กิจกรรมที่ 1 Sound of Silence Dinner
เป็นดินเนอร์กลางทะเลทราย โปรแกรมทัวร์จะเริ่มจากการชมหิน Uluru ยามพระอาทิตย์ตก
จากนั้นก็พาไปจุดตั้งแคมป์ดินเนอร์กลางทะเลทราย ดินเนอร์จะเป็นบุฟเฟ่ต์บาร์บีคิวเนื้อสัตว์ยอดนิยมของออสเตรเลีย อาทิเช่น จิงโจ้ จระเข้ แกะ เป็นต้น
หลังดินเนอร์ก็เป็นไฮไลท์ของโปรแกรม ที่แคมป์จะดับไฟทั้งหมด จนบรรยากาศมืดมิดและเงียบสนิท ช่วงเวลาที่อยู่ในความมืดและเงียบสงบกลับให้ร่างกายและจิตใจรู้สึกปลอดโปร่ง ทำให้เข้าใจว่าทำไมเค้าถึงเรียกว่า Sound of Silence
หลังจากปล่อยให้ดื่มด่ำกับบรรยากาศรัตติกาลที่เงียบสงัดครู่หนึ่ง ก็เป็นช่วงเวลาดูดาว เนื่องจาก Ayers Rock เป็นมืองชนบทห่างไกลตึกสูงและมลพิษ เวลากลางคืนท้องฟ้าจะกระจ่างใสจนมองเห็นดวงดาวได้ชัดเจน ไกด์จะใช้ไฟฉายแบบแรงๆเป็นพอยเตอร์ชี้ไล่ไปตามดาวต่างๆแล้วเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับดวงดาว พอเคลิ้มๆได้ที่ก็ได้เวลากลับที่พัก
กิจกรรมที่ 2 Sunrise Tour and Base walk
โปรแกรมพาชมหิน Uluru ยามพระอาทิตย์ขึ้น เป็นทัวร์ที่ต้องตื่นแต่เช้ามืดจะมีรถทัวร์มารับจากที่พักและพาไปยังจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้น จุดที่ทัวร์พาผมไปตอนปี 2009 ไม่ค่อยดีเท่าไหร่เพราะอยู่ประชิดติดก้อนหินมากไปจนไม่สามารถเห็นก้อนหินเต็มก้อนด้วยสองตา ไกด์บอกว่าเมืองกำลังสร้างจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นที่ใหม่ที่แจ่มกว่านี้แต่ตอนที่ผมไปยังสร้างไม่เสร็จ ระหว่างที่ปล่อยให้ชมหินค่อยๆเปลี่ยนสีเมื่อรับแสงอาทิตย์ ที่รถก็จะมีเสิร์ฟชากาแฟและบิสกิตให้ทานรองท้อง
หลังจากชมจนพอแล้วทัวร์ก็พาไปเดินเลาะรอบๆหิน Uluru มีบางพื้นที่ไกด์จะแจ้งว่าไม่อนุญาตให้ถ่ายรูปเพราะชาวอะบอริจิ้นถือว่าเป็นพื้นที่ศักสิทธิ์
ทัวร์ไม่ได้เดินพาเดินวนจนครบรอบ เพราะจะใช้เวลานานเกินไป พอเดินซักช่วงนึงก็มีรถมารับไปแวะที่ศูนย์วัฒนธรรมชาวอะบอริจิ้นก่อนพากลับที่พัก
กิจกรรมที่ 3 Helicopter Flight
สำหรับผู้มีอันจะกิน การนั่งเฮลิคอปเตอร์ชมหิน Uluru แบบ Bird eye view ก็ให้ทัศนียภาพที่แปลกใหม่ดี ราคาทัวร์เฮลิคอปเตอร์แล้วแต่ระยะเวลาที่บิน เฮลิคอปเตอร์จะพาบินวนเหนือหิน Uluru รวมทั้งพาบินไปถึงกองหิน Kaja Tjuta ที่อยู่ไกลออกไปด้วย
คำแนะนำสำหรับผู้จะท่องเที่ยว Uluru
- เมือง Ayers Rock อยู่กลางทะเลทราย สภาพอากาศจึงร้อนและแห้งแล้ง ผู้ไปเที่ยวควรขยันดื่มน้ำมากๆไม่เช่นนั้นจะเกิดอาการขาดน้ำได้ง่าย
- ที่ Ayers Rock มีแมลงวันชุมมาก มักจะมาตอมหน้าตอมแขนให้รำคาญ ควรเตรียมยาทาไล่แมลงไปด้วย ที่พักส่วนใหญ่จะมีสเปรย์ไล่แมลงให้แต่กระป๋องทรงคล้ายๆเชลล์ท็อกซ์จนไม่แน่ใจว่าให้ฉีดพ่นใส่หน้าแขนขาหรือฉีดอากาศกันแน่ อุปกรณ์อีกอย่างที่ขายดีที่นั่นก็คือหมวกมุ้งคลุมหน้า ที่เมื่อใส่หมวกแล้วจะมีผ้าตาข่ายบางๆคลุมบังหน้าไว้ไม่ให้แมลงวันเข้าตอมได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น