Mâ sá iyatì ... ประเดิมด้วยคำทักทายภาษาชาวเผ่า Tlingit
วันที่ 3 มิถุนายน วันที่สองหลังจากก้าวเข้าสู่เขตอะลาสก้า เรือสำราญ
Radiance of the Sea มีคิวจอดแวะที่ Icy Strait Point ตั้งแต่เวลาเก้าโมงเช้าจนถึงหกโมงเย็น จริงๆแล้ว Icy
Strait Point ไม่ใช่ชื่อเมือง
แต่เป็นชื่อย่านน้ำในบริเวณเมือง Hoonah
การจอดเรือสำราญเพื่อแวะเที่ยวตามเมืองต่างๆมีสองวิธี
แบบแรกก็คือจอดเทียบกับท่าเรือ ผู้โดยสารสามารถเดินลงจากเรือขึ้นไปที่ท่าได้เลย ภาษาอังกฤษจะใช้คำว่า
dock ส่วนอีกแบบจะใช้ศัพท์ว่า
tender จะเป็นการจอดเรือสำราญกลางทะเลห่างจากฝั่งระยะหนึ่งแล้วใช้เรือเล็กลำเลียงผู้โดยสารมาขึ้นฝั่งต่ออีกที
วิธีหลังจะใช้กรณีเมืองที่แวะไม่มีท่าเทียบเรือขนาดใหญ่ไว้รองรับเรือสำราญ
ซึ่ง Icy Strait Point เป็นที่หมายเดียวในเส้นทางล่องอะลาสก้านี้ที่ใช้วิธีจอดเรือแบบ
tender
Hoonah เป็นเมืองขนาดเล็กมีประชากรไม่ถึงพันคน
ส่วนใหญ่เป็นชาว Tlingit ซึ่งเป็นชนเผ่าอเมริกันพื้นเมืองที่อาศัยในแถบชายฝั่งทะเลแปซิฟิกตะวันตกเฉียงเหนือ
อาคารสีแดงโดดเด่นของเมือง เรียกว่า Fish
House ประกอบไปด้วยศูนย์รวมทัวร์ พิพิธภัณฑ์ปลาซัลม่อน และร้านค้า
ตอนขึ้นจากเรือลำเลียงมา นักท่องเที่ยวทุกคนจะได้รับแจกแผ่นไม้ชิ้นเล็กๆแผ่นหนึ่ง ตอนแรกนึกว่าเป็นที่ระลึกแต่จริงๆแล้วมีเรื่องราวเกี่ยวกับเจ้าแผ่นไม้นี้ที่จะเล่าให้ฟังในภายหลัง
ตอนขึ้นจากเรือลำเลียงมา นักท่องเที่ยวทุกคนจะได้รับแจกแผ่นไม้ชิ้นเล็กๆแผ่นหนึ่ง ตอนแรกนึกว่าเป็นที่ระลึกแต่จริงๆแล้วมีเรื่องราวเกี่ยวกับเจ้าแผ่นไม้นี้ที่จะเล่าให้ฟังในภายหลัง
ทัวร์ยอดนิยมอันดับหนึ่งของ
Icy Strait Point ก็คือล่องเรือชมวาฬ (Whale
& marine mammals cruise)
ซึ่งที่นี่มีประชากรวาฬหนาแน่นมากจนทัวร์กล้ารับประกันว่าถ้าไม่เห็นวาฬซักตัวยินดีคืนเงินให้
นับว่าสมราคาคุยจริงๆ
ตลอดการล่องเรือจะพบเห็นวาฬเป็นระยะๆ นับรวมๆได้น่าจะมากกว่าสิบตัว
ส่วนใหญ่จะเห็นไกลๆ
เพราะถ้าเข้าใกล้กันเกินไปอาจจะเป็นอันตรายทั้งกับตัววาฬและเรือ
แต่อย่าเพ้อฝันว่าจะเห็นวาฬจู่ๆดีดตัวกระโดดขึ้นมาเหนือน้ำแบบที่เคยเห็นตามโฆษณา
อยู่ดีๆวาฬคงไม่โดดโชว์กันง่ายๆแน่ โอกาสส่วนมากก็จะเห็นแค่ส่วนหลังหรือหางที่โผล่มาจ๊ะเอ๋เหนือน้ำเท่านั้น
หลังจากที่เฝ้าติดตามพฤติกรรมวาฬซักระยะ
ผมก็จับทางได้ว่าวาฬจะโผล่มาให้เห็นเป็นสามสเต็ป
สเต็ปแรกมันจะโผล่หลังขึ้นมาดูลาดเลาแล้วก็ดำลงไป
จังหวะสองก็จะโผล่หลังขึ้นมาเหนือน้ำเพื่อพ่นน้ำแล้วก็ดำลงไปอีกรอบ
รอบสุดท้ายจะโผล่มาโชว์การม้วนหาง หลังจากนั้นก็จะไม่โผล่อีกแล้ว ไปส่องหาเป้าหมายวาฬตัวใหม่ได้เลย
จังหวะสองก็จะโผล่หลังขึ้นมาเหนือน้ำเพื่อพ่นน้ำแล้วก็ดำลงไปอีกรอบ
รอบสุดท้ายจะโผล่มาโชว์การม้วนหาง หลังจากนั้นก็จะไม่โผล่อีกแล้ว ไปส่องหาเป้าหมายวาฬตัวใหม่ได้เลย
ภาพหางวาฬชูเหนือน้ำนี้ถูกใช้เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์การท่องเที่ยวดินแดนอะลาสก้า
หลังจากการล่องเรือชมวาฬซึ่งกินเวลาประมาณสองชั่วโมงครึ่งเสร็จสิ้นลง
ก็กลับมาที่ท่าเรือ ผมวางอีกโปรแกรมไว้ในช่วงบ่าย จึงพอมีเวลาเดินสำรวจหมู่บ้านแบบคร่าวๆ
ระหว่างเส้นทางสำรวจก็เดินมาเจอชุมนุมรอบกองไฟ
พออ่านป้ายดูจึงรู้ว่าเขาให้เอาแผ่นไม้ที่ได้รับแจกมาโยนเข้าไปในกองไฟตามขนบธรรมเนียมประเพณีของชาว
Tlingit
นอกจากกิจกรรมล่องชมวาฬแล้ว
อีกหนึ่งกิจกรรมที่ขึ้นชื่อที่นี่ก็คือการโรยตัวเหาะมาตามรอก เรียกว่า ZipRider
(แต่ผมขอบาย
เนื่องจากไม่ถูกชะตากับความเสียว)
กิจกรรมช่วงบ่ายที่ผมเลือกก็คือการนั่งรถรางชมไพรและการแสดงเต้นพื้นเมืองของชนเผ่า
(Forest tram & Tribal dance combination)
เริ่มจากรถรางชมป่า รถรางจะวิ่งฝ่าป่าโปร่งไปชายฝั่งอีกฝากของเมือง
ทัศนียภาพที่ไม่ได้สวยเด่นอะไรนัก ประกอบกับมีฝนตกพรำๆตลอดทาง ก็เลยไม่มีอะไรน่าประทับใจเป็นพิเศษ
เบ็ดเสร็จฆ่าเวลาไปชั่วโมงครึ่ง
รถรางวนกลับมาที่เดิม จากนั้นก็ฝ่าสายฝนเข้ามาในโรงมหรสพเพื่อชมการแสดงของชาว
Tlingit
ชาว Tlingit จะถูกแบ่งแยกออกเป็นสองวงศ์ได้แก่วงศ์
Eagle กับ Raven ในแต่ละวงศ์จึงแบ่งย่อยเป็นตระกูลต่างๆเช่น หมี หมาป่า ฉลาม
วาฬ เป็นต้น
จุดเด่นในเครื่องแต่งกายพื้นเมืองของชาว Tlingit
ก็คือผ้าห่มคลุมกายที่ว่ากันว่าจะถูกส่งต่อให้ดูแลรักษาจากรุ่นสู่รุ่น
เป็นสัญลักษณ์ความไว้วางใจ
การแสดงจะผสมผสานการร้องและเต้นบอกเล่านิทานปรัมปราของชาวพื้นเมืองเรื่อง
“Raven
steals the sun” ระหว่างการแสดงไม่อนุญาตให้ถ่ายรูป ให้ถ่ายได้ตอนแสดงจบแล้วเท่านั้น (ที่ยืนแถวหลังเป็นคนดูที่ขึ้นไปร่วมแสดง)
ถึงแม้การเต้นการร้องจะเฉียดๆระดับงานโรงเรียนมัธยมก็ตาม
สิ่งที่ชวนให้แอบขนลุกเบาๆก็คือจิตวิญญาณที่เต็มเปี่ยมของผู้แสดงที่ตั้งใจสื่อสารให้ชาวโลกรู้จักชาว
Tlingit
ชาว
Tlingit จะไม่กล่าวคำว่าลาก่อนแต่จะพูดว่าแล้วพบกันใหม่แทน
แล้วพบกันใหม่
..... Tsu yé ikhwasatîn
เว็บไซด์ของ
Icy Strait Point
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น