วันที่เจ็ดของการเดินทางล่องเรือสำราญสู่อะลาสก้าซึ่งเป็นวันสุดท้ายบนเรือรัศมีแสงแห่งทะเล
(Radiance of the Sea) ตามกำหนดการวันนี้เรือจะไม่ได้จอดเทียบท่าที่เมืองไหน
แต่จะล่องไปชมธารน้ำแข็งแห่งหนึ่งชื่อว่า Hubbard Glacier ตอนประมาณ 8 โมงเช้า
ผมแอบมีตารางส่วนตัวไว้แล้วว่าจะตื่นเช้าตรู่เพื่อมาชมพระอาทิตย์ขึ้นที่อะลาสก้า
จึงตั้งนาฬิกาปลุกไว้ก่อนหกโมง จดหมายข่าวชื่อ Compass ที่ทางเรือแจกให้ผู้โดยสารทุกๆวันจะมีบอกเวลาคาดการณ์พระอาทิตย์ขึ้นตกในวันรุ่งขึ้น
ทำให้กะเวลาได้
ถึงแม้เดือนมิถุนายนจะเข้าสู่หน้าร้อนของที่นี่
แต่อะลาสก้าก็ยังคงเป็นอะลาสก้า อากาศตอนเช้ามืดหนาวจับจิต จนผมยืนตากลมที่ดาดฟ้าตลอดเวลาเพื่อรอพระอาทิตย์ขึ้นไม่ไหว
ต้องคอยแว่บเข้าแว่บออกในร่มเพื่อรับไออุ่นเป็นระยะๆ
ภูเขายอดหิมะยามรุ่งสางตัดกับฟ้าสีส้มทองดูสวยไปอีกแบบ
ในที่สุดพระอาทิตย์ก็โผล่พ้นทิวเขา
ชักภาพไว้พอประมาณก็กลับไปนอนต่ออีกซักงีบ
ไฮไลท์การเดินทางของวันนี้คือธารน้ำแข็งชื่อว่า
Hubbard Glacier
แต่จะเป็นการชมจากบนเรือเท่านั้นไม่มีการจอดเทียบท่า
(docked) หรือลงเรือเล็ก
(tendered) แต่อย่างใด
คุณป้ากูรูวิทยากรเที่ยวอะลาสก้าเคยโฆษณาในวันแรกๆไว้ว่า เวลาที่เรือมุ่งหน้าสู่
Hubbard Glacier เป็นช่วงเวลาที่น่าจดจำมาก
เพราะเรือจะล่องเข้าไปใกล้ๆเพื่อให้ชมธารน้ำแข็งในระยะประชิด นอกจากนี้อาจจะได้เห็นปรากฏการณ์น้ำแข็งทรุดถล่ม
(ice calving)
หรือที่ชาวอะลาสก้าเรียกว่า White
Thunder เนื่องจากเสียงเวลาน้ำแข็งถล่มฟังคล้ายๆฟ้าร้อง
แต่ขอบอกว่าโฆษณาชวนเชื่อของป้าแกเกินจริง
เพราะเรือจอดให้ชมห่างเป็นโยชน์ไม่เฉียดใกล้เลย
แอบเดาแบบเข้าข้างเรือว่าที่เข้าใกล้มากไม่ได้เนื่องจากช่วงต้นฤดูร้อนผืนน้ำบริเวณธารน้ำแข็งยังเป็นน้ำแข็งอยู่เยอะ
อาจเป็นอันตรายต่อตัวเรือ ถ้าใครเคยมาเที่ยวช่วงปลายฤดูร้อนอย่างสิงหาหรือกันยาแล้วเรือเข้าใกล้ได้มากกว่านี้ก็ช่วยบอกด้วย
ใช้เลนส์ซูม
250mm แล้วได้แค่นี้
ตอนที่ชมก็ไม่มีน้ำแข็งทรุดถล่มแต่อย่างใด ทุกก้อนอยู่กันปกติสุข
ถึงแม้ไม่ได้ดั่งใจอย่างที่ถูกบิ้วเอาไว้
แต่ทัศนียภาพรอบๆก็จัดว่าสวยงามตระการตาจริงๆ
มุมชมวิวจากห้องฟิตเนส
ที่ถูกบดบังด้วยฝูงชน
เรือจอดให้ชมประมาณชั่วโมงกว่าๆก็บ่ายหัวจากไป
หลังจากแล่นออกจาก
Hubbard Glacier แล้วกัปตันก็เรียกผู้โดยสารให้ไปรวมกันที่ห้อง
auditorium เพื่อฟังระเบียบวิธีการขึ้นจากเรือในวันพรุ่งนี้
เนื่องจากมีผู้โดยสารเป็นพันๆคน ถ้าไม่มีระบบระเบียบรองรับก็จะยุ่งเหยิงมาก
ช่วงบ่ายก็เป็นเวลาอิสระ มีสนามบิงโกเปิดขึ้นให้ประลองดวงอีกรอบ
แต่คราวนี้ผมขอบาย ใช้เวลาเดินรอบๆเรือรัศมีเก็บความทรงจำครั้งสุดท้ายก่อนจะลาจากกัน
ใจจริงแล้วแอบตั้งใจไว้ว่าจะหามุมสงบตามกราบเรือนอนเอกเขนกอ่านหนังสือเคล้าบรรยากาศ
แต่อากาศข้างนอกยะเยือกมากแถมมีลมตีตลอด ขอยอมแพ้ย้ายกลับไปอ่านในห้องนอนดีกว่า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น