วันศุกร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2557

Postcard from Alaska: Prince William Sound Glacier เสียงคำรามจากธารน้ำแข็ง




หลายคนอาจจะนึกว่าซีรี่ย์ล่องอะลาสก้าของผมจบบริบูรณ์ไปแล้ว แต่...ยังครับ ถึงแม้จะขึ้นจากเรือสำราญแล้วแต่ภารกิจท่องเที่ยวอะลาสก้าของผมยังไม่จบ ไปตั้ง 10 วันจบง่ายๆก็กระไรอยู่

เรือ Radiance of the Sea จอดเทียบท่าที่หมายสุดท้ายที่เมือง Seward (ออกเสียงว่า “ซูเอิร์ด” ไม่ใช่ “ซีวอร์ด” นะ) ตั้งแต่เช้าตรู่ ชาวเรือสำราญก็ทยอยกันลงจากเรือตามแผนที่กัปตันเรือวางไว้ บางคนตรงดิ่งไปที่เมือง Anchorage ที่อยู่ไม่ไกลเพื่อจับเครื่องบินกลับบ้านทันที บางคนก็อยู่เที่ยวโต๋เต๋ต่อ ผมจัดเป็นพวกกลุ่มหลัง มาทั้งทีต้องเที่ยวอะลาสก้าให้คุ้ม



เรือสำราญได้จัดโปรแกรมแลนด์ทัวร์ที่ Seward ไว้ให้เลือกด้วย โปรแกรมยอดนิยมสองอันดับแรกได้แก่ล่องเรือชมธรรมชาติและธารน้ำแข็งที่ Kenai Fjords กับล่องเรือชมธารน้ำแข็งที่ Prince William Sound เท่าที่ดูเหมือนคนส่วนใหญ่จะเลือกไป Kenai Fjords ผมเลยตัดสินใจเป็นคนส่วนน้อยไป Prince William Sound แทน

โปรแกรมท่องเที่ยว Prince William Sound Glacier ต้องนั่งรถบัสไปขึ้นเรืออีกที่หนึ่ง ไม่ได้ขึ้นที่ท่าเทียบเรือสำราญที่ Seward ถึงแม้ไม่ใช่โปรแกรมอันดับหนึ่งแต่คนเลือกทัวร์นี้ก็ไม่ใช่น้อย ใช้เวลานั่งรถพอสมควร แต่ก็มีธรรมชาติสองข้างทางให้เพลิดเพลินจำเริญใจ




รถบัสมาถึงที่ท่าเรือก่อนเที่ยง เรือที่ใช้ล่องเป็นเรือขนาดย่อมกว่าเรือสำราญ



ทัวร์นี้จะเสิร์ฟอาหารกลางวันบนเรือด้วย ที่นั่งในร่มจึงมีลักษณะเป็นโต๊ะอาหาร


ช่วงต้นๆของเส้นทางล่องเรือก็ยังผ่านป่าเขาเขียวขจี ภูเขาในบริเวณนี้ไม่ค่อยมีหิมะปกคลุมแล้ว หิมะหรือน้ำแข็งที่ละลายทำให้เกิดสายน้ำตกไหลลงมาตามหน้าผา


แต่พอล่องลึกเข้าไปเรื่อยๆก็จะกลายเป็นภาพภูเขาที่มีหิมะปกคลุมหนาๆ




สังเกตเห็นกลางทะเลมีจุดเล็กๆดำๆลอยอยู่ ที่แท้เป็นนากทะเล (Sea Otto) นอนตีกรรเชียงลอยเป็นแพ



การเดินทางเข้าสู่อะลาสก้าเมื่อห้าหกวันที่ผ่านมาเผชิญกับสภาพอากาศขมุกขมัวมีฝนประปราย แต่วันที่ Prince William Sound นี้อากาศเป็นใจมาก ฟ้าแจ้งจางปางแดดสดใส ทำให้ได้ภาพวิวสวยๆตลอดการล่องเรือ



จริงๆแล้ว Prince William Sound Glacier น่าจะเรียกว่าดงธารน้ำแข็งถึงจะถูก เพราะเรือแล่นผ่านธารน้ำแข็งขนาดใหญ่จำนวนไม่น้อย




สิ่งที่ทำให้วิวทัศนียภาพตระการตาเป็นพิเศษก็คือตัวธารน้ำแข็งไหลพาดผ่านเป็นทางยาวมาตามไหล่เขาที่ปกคลุมด้วยหิมะ





สุดท้ายเรือมาจอดให้ชมธารน้ำแข็งแบบใกล้ๆที่หนึ่ง ไม่รู้ว่าชื่อจริงๆของธารน้ำแข็งจุดนี้เรียกว่าอะไร เพราะมัวเพลินชมธรรมชาติจนไม่ได้ฟังบรรยาย


เนื่องจากเป็นเรือที่มีขนาดเล็กกว่าจึงเข้าไปใกล้ธารน้ำแข็งได้มากกว่าวันที่ไป Hubbard Glacier แต่ก็ไม่ใกล้ขนาดเอามือไปจับลูบไล้เล่นได้หรอกนะ



ดูจากภาพอาจจะนึกว่าไม่ใหญ่ ลองเอาเรือหนึ่งลำไปเทียบดู เรือดูเล็กไปถนัดตา


ขณะที่จอดเท้งเต้งให้ถ่ายรูปธารน้ำแข็ง ก็เกิดน้ำแข็งทรุดถล่ม (ice calving) หรือที่ชนพื้นเมืองอะลาสก้าเรียกว่า white thunder เข้าใจแล้วว่าทำไมถึงเรียกอย่างนั้น ช่วงที่น้ำแข็งปริแตกและถล่มลงน้ำจะส่งเสียงเหมือนฟ้าร้องคำราม


เศษซากน้ำแข็งที่ถล่มลงมาก็จะลอยเท้งเต้งตามผิวน้ำ



เรือจอดให้นักท่องเที่ยวชักภาพตามอัธยาศัยพักหนึ่งก่อนหันหัวเรือกลับ


รวมๆแล้วใช้เวลาในการล่องเรือประมาณ 5.5 ชั่วโมง


ทัวร์จบลงที่พานักท่องเที่ยวไปส่งที่สนามบิน Anchorage ในตอนเย็น ถ้าคนจะไปทัวร์นี้และบินกลับทันทีควรจองไฟล์ทที่ take off หลังสี่ทุ่ม สำหรับผมจับแท็กซี่เข้าไปที่ตัวเมืองเพื่อค้างที่ Anchorage ต่ออีกสองคืน









ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

About