วันศุกร์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2558

ปุจฉา: หอเหล่านี้อยู่ที่ใด


กลับมาพบกันอีกครั้งสำหรับปริศนาท่องเที่ยวพาเพลิน คราวที่แล้วผมนำรูปปั้นสัตว์มาให้ทายกัน คราวนี้เป็นคิวของหอคอยชมวิว ลองทายกันดูสิว่าหอเหล่านี้อยู่ที่เมืองอะไร ประเทศอะไร

มีทั้งหมดสิบภาพตามหมายเลขกำกับ ทายเสร็จแล้วลองไปดูเฉลยที่ด้านล่างอันไกลโพ้นได้ ใครตอบถูกหมดถือว่าเป็นแฟนพันธ์แท้หอคอยตัวจริง



















วิสัชนา

1. Atomium หอคอยรูปร่างประหลาดทรงโมเลกุลอะตอมนี้อยู่ที่กรุงบรัสเซลล์ ประเทศเบลเยี่ยม สร้างขึ้นสำหรับงาน Expo ปี 1958 ที่จัดขึ้นที่เมืองบรัสเซลล์ โมเลกุลทรงกลมที่อยู่สูงสุดเป็นจุดชมวิวที่ระดับความสูง 102 เมตร ในโมเลกุลทรงกลมอื่นๆจัดแสดงเป็นนิทรรศการ

2. Oriental Pearl Radio & TV Tower หรือที่ทัวร์ไทยมักขนานนามให้ว่าหอไข่มุกอยู่ที่เมืองเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ความสูงถึงปลายยอดที่ 468 เมตร มีจุดชมวิวสองระดับที่ความสูง 263 และ 350 เมตร ที่นี่สามารถมองเห็นหาดไว่ทาน (The Bund) ที่มีชื่อเสียงของเซี่ยงไฮ้ได้

3. Kyoto Tower ที่เมืองเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น มีความสูง 131 เมตร จุดชมวิวที่ระดับความสูง 100 เมตร อยู่ตรงข้ามสถานีรถไฟเกียวโต เป็นสิ่งปลูกสร้างรูปร่างทันสมัยที่ขัดกับภาพพจน์เมืองเกียวโตหนึ่งในเมืองที่อนุรักษ์มนต์เสน่ห์แห่งอดีตกาล

4. Eiffel Tower ต่อให้ไม่ใช่แฟนพันธ์แท้หอคอยก็ต้องรู้จักหอคอย Eiffel เป็นอย่างดี Tour Eiffel (เขียนตามชื่อภาษาฝรั่งเศส) อยู่ที่นครปารีส เมืองหลวงประเทศฝรั่งเศส สร้างด้วยเหล็กทั้งหมด มีความสูง 324 เมตร จุดชมวิวสูงสุดอยู่ที่ความสูง 276 เมตร สามารถชมวิวที่ชั้นสองที่ระดับความสูง 115 เมตรได้ด้วย การขึ้นไปชมวิวชั้นสูงสุดจะต้องนั่งลิฟท์จากชั้นกราวด์ขึ้นไปที่ชั้นสองก่อนเปลี่ยนเป็นลิฟท์อีกตัวนึง แต่ถ้าคุณอยากได้ความทรงจำดีเกี่ยวกับหอไอเฟลอาจเลือกเดินขึ้นลงบันไดแทนก็ได้ แค่ 704 ขั้นเอ๊ง

5. N Seoul Tower เป็นหอคอยที่คุ้นตานักท่องเที่ยวชาวไทยมาก เนื่องจากปรากฏในซีรี่ย์เกาหลีที่ฉายในบ้านเราหลายๆเรื่อง อยู่ที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ตัวหอคอยจริงๆแล้วสูง 236.7 เมตร แต่สร้างอยู่บนภูเขา Namsan ที่สูง 243 เมตร จึงทำให้จุดชมวิวของหอคอยโซลสูงจากระดับน้ำทะเลถึง 479 เมตร อีกหนึ่งกิจกรรมที่คู่รักนิยมทำเมื่อมาเยือนหอคอยโซลก็คือคล้องแม่กุญแจแห่งรักนิรันดร์ (ก่อนปาลูกกุญแจลงไปโดนหัวชาวบ้านข้างล่าง)

6. Stratosphere Tower หนึ่งในแลนด์มาร์คของมหานครแห่งการเสี่ยงโชค เมืองลาสเวกัส ประเทศสหรัฐอเมริกา นอกจากเป็นหอคอยชมวิว บริเวณฐานยังเป็นคาสิโนและโรงแรมอีกด้วย หอคอยมีความสูง 350.2 เมตร เป็นหอคอยที่สูงที่สุดของสหรัฐฯ ไฮไลท์ของหอคอยนี้อยู่ที่จุดชมวิว open air ชั้นบนสุดของหอคอยที่จะมีเครื่องเล่นประเภทเอ็กซ์ตรีมไว้ท้าทายความเสียวที่ระดับ 1000 ฟุต (แนะนำให้เล่นรถไฟเหาะ X-Scream)

7. Sydney Tower อยู่ที่เมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย มีความสูง 309 เมตร ชั้นชมวิวอยู่ที่ความสูง 250 เมตร หอคอยอยู่ที่ย่านธุรกิจจึงห้อมล้อมไปด้วยตึกสูง ขอเตือนว่าถ้าใครขึ้นมาชมวิวที่หอคอยซิดนีย์กะว่าจะได้เห็นวิวสะพาน Harbour Bridge กับ Opera House ที่สวยงามก็ต้องผิดหวัง เพราะมุมนั้นโดนตึกระฟ้าบังเกือบหมด

8. เป็นหอคอยที่อยู่ใกล้กรุงเทพฯมากที่สุด เพียงขับรถไปไม่ถึงสองชั่วโมงก็ถึง เพราะนี่คือหอคอยบรรหาร-แจ่มใส จังหวัดสุพรรณบุรี ประเทศไทยเรานี่เอง หอคอยสัญชาติไทยนี้มีความสูงที่ 123.25 เมตร จุดชมวิวที่ระดับความสูง 78.75 เมตร เป็นหอคอยแห่งแรกและปัจจุบันยังคงสูงที่สุดของประเทศไทย

9. CN Tower อดีตหอคอยที่สูงที่สุดในโลกอยู่ที่เมืองโตรอนโต ประเทศแคนาดา มีความสูง 553 เมตร มีจุดชมวิวสองระดับที่ความสูง 346 และ 447 เมตร หอคอย CN Tower ครองตำแหน่งหอคอยที่สูงที่สุดในโลกยาวนานตั้งแต่ปี 1976 ก่อนที่มาเสียตำแหน่งในปี 2010

10. Peak Tower อาคารรูปร่างแปลกตาไม่ค่อยสูงนี้ดูไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นจุดชมวิวได้ แต่จริงๆแล้วที่นี่คือจุดชมวิวที่สูงที่สุดของเกาะฮ่องกง ถึงแม้ตัวอาคารจะมีความสูงเพียง 30 กว่าเมตร แต่ตั้งอยู่บนยอด The Peak ที่เป็นจุดที่สูงที่สุดบนเกาะฮ่องกง (396 เมตรจากระดับน้ำทะเล) จึงทำให้ที่นี่เป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวนิยมมาทัศนาวิวตึกระฟ้าและอ่าว Victoria Habour จากมุมสูงกัน








วันศุกร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

Würzburg: หลักกิโรแมนติกที่ 0


ตอนที่ผมจะไปเที่ยวเยอรมนีครั้งแรก ได้ถามเพื่อนที่เรียนที่นั่นว่าควรไปเที่ยวภูมิภาคไหนดี ซึ่งได้รับคำแนะนำว่าถ้าไปเยอรมนีครั้งแรกควรไปทางภาคใต้แถวรัฐ Bavaria เนื่องจากมีทัศนียภาพที่สวยงามที่สุด หนึ่งในการเดินทางยอดนิยมในโซนนั้นเป็นที่รู้จักกันในนามเส้นทางสายโรแมนติกระยะทางยาว 350 กิโลเมตรเริ่มจากเมือง Würzburg ทางตอนเหนือของรัฐ Bavaria มาสิ้นสุดที่เมือง Füssen ทางใต้ของรัฐ

จริงๆแล้วผมยังไม่เคยไปลัดเลาะเส้นทางโรแมนติกหรอกครับ แต่เคยไปแวะเมือง Würzburg (ออกเสียงตามภาษาเยอรมันว่า “เวิร์ซบูร์ก”) จุดตั้งต้นของเส้นทางครั้งนึง นอกจากอยู่บนเส้นทางสายโรแมนติกแล้วเมือง Würzburg ยังปรากฏชื่ออยู่ในหน้าประวัติศาสตร์การล่าแม่มดในยุโรปยุคกลาง เนื่องจากเป็นหนึ่งในเมืองที่มีการจับกุมและลงโทษเผาคนที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มดจำนวนมาก


ผมพำนักที่โรงแรมใกล้สถานีรถไฟของเมือง จากหน้าต่างโรงแรมสามารถมองเห็นวิวโบสถ์ Stift Haug ใกล้ๆ เนื่องจากตอนถ่ายเป็นเวลารุ่งสางแสงจึงออกสีชมพูเรื่อๆ


เป้าหมายการทัศนาอยู่ที่ย่านเมืองเก่า ระหว่างทางจะผ่านโบสถ์ Neumünsterkirche


เป็นโบสถ์ที่มีหน้า façade ตกแต่งสวยงามโดดเด่น


ถนนที่เดินไปย่านเมืองเก่า


จุดเริ่มต้นของย่านเมืองเก่าอยู่ที่มหาวิหารประจำเมือง (Dom หรือ Würzburg Cathedral)


เดินไปตามถนน Domstraße (หรือ Domstrasse) ไปสิ้นสุดที่ Alte Rathaus หรือศาลาว่าการเก่า



ต่อจากถนน Domstraße จะเป็นสะพาน Alte Mainbrücke ที่ข้ามแม่น้ำไมน์ (Main)


จากสะพานสามารถมองเห็นปราสาท Festung Marienberg ที่อยู่บนเนินอีกฝากหนึ่ง



ตลอดสองข้างทางของสะพานจะมีรูปปั้นนักบุญเรียงราย




สะพานหิน รูปปั้นนักบุญบวกกับทัศนียภาพปราสาททำให้สะพานนี้ดูคล้ายสะพานชาร์ลที่กรุงปราก ประเทศเชค ราวกับฝาแฝด


เนื่องจากผมมาแต่ไก่โห่ สะพานจึงไม่ค่อยมีคนสัญจรไปมาเท่าไหร่


เนื่องจากตั้งใจจะใช้เวลาในการเที่ยวที่นี่แค่วันเดียว ผมเลยตัดสินใจไม่เสียเวลาปีนขึ้นเนินเพื่อเข้าชมปราสาท ขอชมวิวแบบไกลๆแทน



บริเวณฝั่งแม่น้ำจะมีเครนโบราณ (Alte Kranen) ที่เคยใช้กับเรือขนส่งสินค้าในอดีต


จัตุรัส Marktplatz ในอดีตว่ากันว่าใช้เป็นลานเผาแม่มด ปัจจุบันเป็นตลาดนัด


โบสถ์ Marienkapelle หรือภาษาอังกฤษว่า Church of our Lady


ในบริเวณจัตุรัสยังมีอาคารรูปร่างสวยงามที่ใช้เป็นศูนย์ข้อมูลท่องเที่ยวของเมือง


ความสวยงามคลาสสิกของย่านเมืองเก่านอกเหนือจากตึกรามอาคารที่โบราณแล้วก็ยังมีภูมิทัศน์ปลายยอดแหลมจากโดมหรือหอของโบสถ์ชี้พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าแซมไปทั่ว


อีกหนึ่งในไฮไลท์สำคัญที่ไม่ควรพลาดก็คือพระราชวัง Würzburger Residenz ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมจากองค์กรยูเนสโก


ตัวอาคารเป็นศิลปะแบบบาโรค


วิวด้านหลังของอาคาร


ด้านหลังยังมีอาณาบริเวณที่ตกแต่งเป็นสวนด้วย




การเดินทางไป Würzburg
นั่งรถไฟจากเมืองมิวนิค (München) ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง แต่ถ้ามาจากเมืองแฟรงค์เฟิร์ต (Frankfurt am Main) นั่งรถไฟประมาณ 70 นาที

เว็บไซด์ข้อมูลเมือง Würzburg









วันศุกร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

กินนำสไตล์: Kamen Rider The Diner


ผมจำได้ว่าตอนสมัยเด็กๆถ้าโทรทัศน์มีเสียงเพลงไตเติ้ลขึ้นมาว่า “เซบ่ารือ ช็อคกาาา.....” ผมจะรีบวิ่งไปนั่งเฝ้าหน้าจอทันที เพราะนั่นเป็นสัญญาณบอกว่าหนึ่งในหนังทีวีสุดฮิตสมัยผมเด็กๆกำลังจะมาแล้ว ถ้าใครวัยเกินสี่สิบก็คงรู้ว่าผมกำลังพูดถึงหนึ่งในหนังทีวีญี่ปุ่นยอดฮิตยุค 70 อย่างไอ้มดแดงนั่นเอง

ไอ้มดแดง (仮面ライダー) หรือเป็นที่รู้จักในชื่อสากลว่า Kamen Rider เป็นโปรแกรมหนังทีวีที่เริ่มฉายครั้งแรกที่ญี่ปุ่นเมื่อเดือนเมษายนปี 1971 ถ่ายทอดเรื่องราวซูเปอร์ฮีโร่มนุษย์ดัดแปลงที่ต่อสู้กับเหล่าร้าย โดยทำเป็นชุดซีรี่ย์ที่แต่ละชุดจะมีพระเอกไอ้มดแดงหน้าใหม่ๆ จนมาถึงปัจจุบันเป็นเวลารวมๆสี่สิบกว่าปีแล้ว


ในวาระที่ฉลองไอ้มดแดงอายุครบ 40 ขวบ ทางญี่ปุ่นได้มีการเปิดร้านอาหารธีมไอ้มดแดงเพื่อแฟนๆขึ้นมาที่ย่าน Ikebukuro ในโตเกียว ร้านมีชื่อเป็นทางการว่า “Kamen Rider The Diner”


ร้านคาเฟ่ไอ้มดแดงนี้เป็นส่วนหนึ่งของ Pasela Resorts Ikebukuro ซึ่งเป็นอาคารคอมเพล็กซ์รวมร้านอาหารหลากหลาย ร้านคาเฟ่ไอ้มดแดงอยู่ที่ชั้น 4 ของอาคาร



ร้านจะตกแต่งในรูปแบบรังบัญชาการของเหล่าร้ายช็อคเกอร์ (Shocker) บรรยากาศภายในร้านจะมืดๆทึมๆ


บัลลังก์หัวหน้าใหญ่ช็อคเกอร์ตั้งตรงกลาง เป็นจุดที่ลูกค้านิยมมานั่งชักรูป


รูปปั้นไอ้มดแดงขนาดเท่าจริง


พาหนะคู่ใจไอ้มดแดงก็คือมอเตอร์ไซด์ เวอร์ชั่นนี้จากซีรี่ย์ Kamen Rider Blade


ตู้โชว์โมเดลไอ้มดแดงรุ่นต่างๆ



ในร้านมีจอทีวีเปิดฉายหนังไอ้มดแดง


ที่นี่ใช้ระบบสั่งอาหารโดยการติ๊กใบออเดอร์ที่อยู่ที่โต๊ะแล้วยื่นให้บริกร แต่ใบออเดอร์เป็นภาษาญี่ปุ่น ถ้าอ่านไม่ออกก็เรียกพนักงานร้านมาช่วยติ๊กให้ได้


หน้าตาเมนูของร้าน อาหารจะรังสรรค์หน้าตาให้ดูแล้วนึกถึงหน้าไอ้มดแดงทันที



ไม่เว้นแม้แต่เมนูเครื่องดื่ม



แอบผิดหวังนิดหน่อยที่เมนูส่วนใหญ่จะเป็นไอ้มดแดงรุ่นใหม่ๆที่ผมไม่ค่อยรู้จัก


หลังจากสำรวจเมนูแล้ว ผมตัดสินใจสั่งเมนูไอ้มดแดงรุ่นราวคราวเดียวกับผมดีกว่า เริ่มจากของทานเล่นเป็นซาลาเปาที่เรียกว่า Shocker’s Secret Bomb จั่วหัวโฆษณาไว้ว่าไส้ในสุดเซอร์ไพรส์


พอแหวะออกดูพบว่าสอดไส้แกงกระหรี่นั่นเอง


จานหลักได้แก่ข้าว Loco Moco หน้าไอ้มดแดง V1


ไอ้ข้าว Loco Moco คือข้าวสวยโปะด้วยชิ้นเนื้อแฮมเบอร์เกอร์ ไข่ ผัก ดูเหมือนเอาอาหารห้าหมู่มาโปะๆรวมกัน


ส่วนเครื่องดื่ม V1 เป็นโซดาน้ำเขียวท็อปปิ้งด้วยไอติมตกแต่งเป็นหัวไอ้มดแดง


ถ้าจะมาฉลองวันเกิดที่นี่ก็สามารถสั่งจองเค้กหน้าไอ้มดแดง


สามารถจองห้องสำหรับจัดเลี้ยงแบบไพรเวทเฉพาะกลุ่มได้


นอกจากอาหารแล้วที่ร้านยังมีของที่ระลึกไอ้มดแดงขายด้วย สินค้าขายดีอันดับหนึ่งคือเสื้อและหมวกไอ้มดแดง มีพนักงานร้านเป็นนายแบบใส่โชว์ให้ดู


การเดินทางไปตึก Pasela Resorts
จากสถานีรถไฟ Ikebukuro ออกที่ทางออกตะวันตก แล้วเดินต่ออีกประมาณ 2 นาทีก็ถึง



เว็บไซด์ของ Kamen Rider The Diner (ภาษาญี่ปุ่น)
http://www.paselabo.tv/rider/index.html










About