วันศุกร์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2556

Postcard from Alaska: Juneau เปียกปอนในวันฝนพรำ


 
 
ถึงแม้สิ้นสุดภารกิจเหยียบธารน้ำแข็ง Mendenhall glacier ไปแล้วแต่ภารกิจกับเมืองจูโน่ (Juneau) ยังไม่จบสิ้น


หลังกลับจากบินเฮลิคอปเตอร์ก็เป็นช่วงเวลาสำรวจเมืองด้วยตนเอง ความจริงแล้วที่เมือง Juneau ก็มีโปรแกรมแลนด์ทัวร์อื่นๆให้เลือกมากมาย แต่ผมตัดสินใจเลือกตะลอนชมเมืองด้วยตนเอง


ใกล้ๆกับท่าจอดเรือสำราญมีภูเขาลูกเล็กๆชื่อว่า Mt. Roberts ซึ่งจะมีกระเช้าจากข้างล่างขึ้นไปบนยอดเขาเพื่อชมวิว ซึ่งผมเล็งไว้แล้ว แต่โชคร้ายตอนกลับจากทริปธารน้ำแข็งฝนเริ่มลงเม็ด ผมเลยเลื่อนการขึ้นยอดเขาไปจนกว่าฝนจะหยุด ไม่เช่นนั้นขึ้นไปก็ไม่เห็นวิวอะไร



ผมเลยใช้เวลาที่ฝนยังตกพรำๆ เดินลุยสายฝนตระเวณไปตามตรอกซอกซอยของเมือง





ที่อะลาสก้ามีร้านเพชรเยอะมาก เจอแทบทุกเมืองที่แวะ อาทิเช่นร้าน Diamonds International, EFFY, Majestic Gems เป็นต้น



มุขตลกแบบอะลาสก้า "เมียหาย ตามได้ที่ร้านเพชร"


นอกจากร้านขายเพชร ยังมีร้านอื่นๆที่เป็นแบรนด์ของอะลาสก้าที่ทางเรือแนะนำอีกสองร้าน ร้านแรกชื่อว่า DEL SOL ขายผลิตภัณฑ์ที่เปลี่ยนสีเวลาโดนแสงแดดหรืออุลตราไวโอเล็ต เช่น เสื้อสกรีน ยาทาเล็บ ฯลฯ


อีกร้านก็คือ CARiLOHA ขายผลิตภัณฑ์เสื้อผ้าที่ทำจากไผ่


หนึ่งในแลนด์มาร์คโด่งดังของเมืองจูโน่ก็คือบาร์เก่าแก่อายุราวศตวรรษชื่อว่า Red Dog Saloon ที่ปัจจุบันยังเปิดเป็นร้านขายอาหารเครื่องดื่ม




พอบ่ายแก่ๆฝนเริ่มหยุด ผมรีบฉวยโอกาสจับรถกระเช้าขึ้นไปบน Mt. Roberts ทันที


วิวเมืองจูโน่จากรถกระเช้า


วิวจากบนยอด Mt.Roberts ยามฝนหยุดหมาดๆ



แต่เผลอแค่แป๊บเดียว ฝนก็เริ่มตกลงมาอีกครั้ง ทำให้ผมต้องเข้าไปนั่งจับเจ่าหลบฝนที่ร้านขายของที่ระลึกบนดอยแทน รอซักพักใหญ่ฝนไม่มีทีท่าว่าจะหยุดสนิท แต่เริ่มเบาลง ผมเลยตัดใจกลับลงมาข้างล่างเพื่อชมเมืองต่อดีกว่า





เรือ Radiance of the Sea จอดที่เมือง Juneau ยาวถึงสองทุ่มครึ่งก่อนที่จะเดินทางไปยังจุดหมายต่อไป



อำลาเมืองจูโน่ด้วยวิวจากดาดฟ้าเรือ





เว็บไซด์การท่องเที่ยวเมือง Juneau

 

 

 

 

วันศุกร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2556

Rothenburg ob der Tauber: เมืองคริสมาสต์ชวนฝัน


ประเทศในทวีปยุโรปมีเมืองน่ารักๆที่ทำให้ผมหลงเสน่ห์อยู่หลายเมือง อย่างเช่น Karlovy Vary ของประเทศเชคที่เคยเขียนไปแล้ว วันนี้จะหยิบขึ้นมาอีกหนึ่งเมืองที่ประทับใจมาเล่าสู่กันฟัง เป็นเมืองเล็กๆที่มีบรรยากาศน่าหลงใหลในประเทศเยอรมณีที่มีชื่อว่า Rothenburg ob der Tauber


หลายคนแค่ฟังชื่อยาวๆก็แทบจะจำไม่ได้แล้ว แต่ชื่อนี้มีที่มา คำว่า “ob der Tauber” ในภาษาเยอรมันแปลว่าริมแม่น้ำ Tauber ที่จำเป็นต้องมีสร้อยเพราะในเยอรมันมีเมืองชื่อ Rothenburg เยอะแยะไปหมดจึงต้องห้อยนามสกุลให้รู้ว่าเป็น Rothenburg อันนี้แหละ

Rotheburg ob der Tauber อยู่ที่แคว้นบาวาเรีย (Bavaria) ทางตอนใต้ของประเทศ อยู่กึ่งกลางระหว่างเมือง Frankfurt (แฟรงค์เฟิร์ท) กับเมือง München (หรือเรียกกันทั่วไปว่ามิวนิค) เป็นเมืองที่อนุรักษ์อาคารบ้านช่องในสมัยยุโรปยุคกลางไว้เป็นอย่างดี มีกำแพงเมืองและป้อมปราการหอคอยล้อมรอบ ทำให้บรรยากาศดูย้อนยุคคลาสสิก




หอคอยที่ประตู Rödertor Gate ทางเข้าเมืองเมื่อเดินมาจากสถานีรถไฟ


Markusturm (Marcus Tower) และ Röderbogen (Röder Arch)


ไฮไลท์สำคัญของเมืองก็คือจัตุรัส MarktPlatz หรือ Market Square


ในบริเวณจัตุรัสจะรายล้อมด้วยอาคารสำคัญๆ อย่างเช่น Rathaus หรือศาลาว่าการเมือง


นาฬิกาดาราศาสตร์ที่อาคาร Ratstrinkstube ณ ย่าน Market Square


อันนี้เป็นมุมเด่นประจำเมืองชื่อว่า Plönlein ใครไม่ได้ถ่ายรูปมุมนี้เรียกว่ามาไม่ถึง


ประตู Burgtor (Castle Gate) ทางทิศตะวันตกของเมือง ทางเข้าไปที่สวน Burggarten (Castle garden)


วิวเมือง Rothenburg ob der Tauber จากสวน Burggarten


สำหรับตัวผมแล้ว คุณลักษณะที่เมืองใดเมืองหนึ่งจะดึงดูดให้ผมหลงใหลมีอยู่สองอย่าง ซึ่งเมือง Rothenburg ob der Tauber นี้มีครบสูตร หนึ่งคือมีมุมเล็กมุมน้อยให้ซอกซอนถ่ายรูปได้ไม่รู้เบื่อ เพราะผมเป็นคนชอบถ่ายรูป




และสองก็คือมีเอกลักษณ์ประจำเมือง ไม่ว่าจะเป็นเทศกาล ของฝากของที่ระลึกหรืออาหารการกินที่มีเฉพาะเมืองๆนั้น

อย่างที่ Rothenburg ob der Tauber นี้มีขนมขึ้นชื่อของเมืองที่ใครมาเที่ยวต้องลองชิมดู เรียกว่า Schneeball แปลเป็นภาษาอังกฤษว่า Snowball หรือลูกบอลหิมะนั่นเอง ลักษณะเป็นแป้งทอดอารมณ์ประมาณโดนัทแต่แข็งและกรอบกว่าทำเป็นทรงลูกบอลกลมๆมีหลากหลายรสชาติ สามารถซื้อกลับไปเป็นของฝากได้


อีกหนึ่งของฝากขึ้นชื่อที่มีต้นกำเนิดจากเมือง Rothenburg ob der Tauber ก็คือ ของประดับตกแต่งคริสมาสต์ทำจากไม้ยี่ห้อ Käthe Wohlfahrt ร้านนี้เปิดขายทั้งปีถึงแม้นอกช่วงเวลาคริสมาสต์ก็ตาม  


หนึ่งในเทศกาลที่โด่งดังของเมืองก็คือตลาดคริสมาสต์ (Christmas Market) ซึ่งชาวเมืองจะมาออกร้านขายของในช่วงก่อนถึงวันคริสมาสต์ที่บริเวณ Market Square จริงๆแล้วในหลายๆเมืองของยุโรปก็มีตลาดคริสมาสต์เหมือนกันแต่ที่ Rothenburg นี้ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นตลาดคริสมาสต์ที่ควรมาเยือนเป็นอย่างยิ่ง


นอกจากนี้ในช่วงเวลาดังกล่าวตัวเมืองจะประดับประดาไฟคริสมาสต์สวยงาม แต่ผมไปเที่ยวเร็วไปหน่อย (ช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน) ตลาดยังไม่เริ่ม แต่ดูจากรูปโปสการ์ดแล้วเชื่อได้ว่านี่เป็นหนึ่งในเมืองที่เหมาะแก่การฉลองคริสมาสต์แบบโรแมนติกชวนฝันจริงๆ


การเดินทางไป Rothenburg ob der Tauber

เนื่องจากเป็นเมืองเล็กๆจึงไม่มีรถไฟโดยตรงจากเมืองใหญ่ๆ ไม่ว่าจะมาจากเมือง Frankfurt หรือ  München จำเป็นต้องต่อรถไฟสามถึงสี่ทอดใช้เวลารวมๆประมาณสองชั่วโมงครึ่งถึงสามชั่วโมง

รถไฟสายตรงที่ไปถึง Rothenburg จะออกจากเมือง Steinach ตอนที่ผมไปเลือกพักที่เมือง Würzburg ที่มีรถไฟโดยตรงไปที่เมือง Steinach จึงต่อรถไฟเพียงแค่สองทอด

สถานีรถไฟจะอยู่ทางทิศตะวันออกของเมืองเดินประมาณ 15 นาที

เว็บไซด์การท่องเที่ยวของ Rothenburg ob der Tauber








About