ถึงแม้สิ้นสุดภารกิจเหยียบธารน้ำแข็ง Mendenhall glacier ไปแล้วแต่ภารกิจกับเมืองจูโน่
(Juneau) ยังไม่จบสิ้น
หลังกลับจากบินเฮลิคอปเตอร์ก็เป็นช่วงเวลาสำรวจเมืองด้วยตนเอง
ความจริงแล้วที่เมือง Juneau
ก็มีโปรแกรมแลนด์ทัวร์อื่นๆให้เลือกมากมาย
แต่ผมตัดสินใจเลือกตะลอนชมเมืองด้วยตนเอง
ใกล้ๆกับท่าจอดเรือสำราญมีภูเขาลูกเล็กๆชื่อว่า
Mt. Roberts ซึ่งจะมีกระเช้าจากข้างล่างขึ้นไปบนยอดเขาเพื่อชมวิว
ซึ่งผมเล็งไว้แล้ว แต่โชคร้ายตอนกลับจากทริปธารน้ำแข็งฝนเริ่มลงเม็ด
ผมเลยเลื่อนการขึ้นยอดเขาไปจนกว่าฝนจะหยุด ไม่เช่นนั้นขึ้นไปก็ไม่เห็นวิวอะไร
ผมเลยใช้เวลาที่ฝนยังตกพรำๆ
เดินลุยสายฝนตระเวณไปตามตรอกซอกซอยของเมือง
ที่อะลาสก้ามีร้านเพชรเยอะมาก
เจอแทบทุกเมืองที่แวะ
อาทิเช่นร้าน Diamonds International, EFFY, Majestic
Gems เป็นต้น
มุขตลกแบบอะลาสก้า
"เมียหาย ตามได้ที่ร้านเพชร"
นอกจากร้านขายเพชร
ยังมีร้านอื่นๆที่เป็นแบรนด์ของอะลาสก้าที่ทางเรือแนะนำอีกสองร้าน ร้านแรกชื่อว่า DEL SOL ขายผลิตภัณฑ์ที่เปลี่ยนสีเวลาโดนแสงแดดหรืออุลตราไวโอเล็ต
เช่น เสื้อสกรีน ยาทาเล็บ ฯลฯ
อีกร้านก็คือ
CARiLOHA ขายผลิตภัณฑ์เสื้อผ้าที่ทำจากไผ่
หนึ่งในแลนด์มาร์คโด่งดังของเมืองจูโน่ก็คือบาร์เก่าแก่อายุราวศตวรรษชื่อว่า
Red Dog Saloon ที่ปัจจุบันยังเปิดเป็นร้านขายอาหารเครื่องดื่ม
พอบ่ายแก่ๆฝนเริ่มหยุด
ผมรีบฉวยโอกาสจับรถกระเช้าขึ้นไปบน Mt. Roberts ทันที
วิวเมืองจูโน่จากรถกระเช้า
วิวจากบนยอด
Mt.Roberts ยามฝนหยุดหมาดๆ
แต่เผลอแค่แป๊บเดียว
ฝนก็เริ่มตกลงมาอีกครั้ง ทำให้ผมต้องเข้าไปนั่งจับเจ่าหลบฝนที่ร้านขายของที่ระลึกบนดอยแทน รอซักพักใหญ่ฝนไม่มีทีท่าว่าจะหยุดสนิท
แต่เริ่มเบาลง ผมเลยตัดใจกลับลงมาข้างล่างเพื่อชมเมืองต่อดีกว่า
เรือ
Radiance of the Sea จอดที่เมือง
Juneau ยาวถึงสองทุ่มครึ่งก่อนที่จะเดินทางไปยังจุดหมายต่อไป
อำลาเมืองจูโน่ด้วยวิวจากดาดฟ้าเรือ
เว็บไซด์การท่องเที่ยวเมือง
Juneau